วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แมวขนยาว



แมวขนยาว


แมวเมนคูน (Maine Coon) 





          ถึงแม้แมวเมนคูนจะมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่าแมวปกติ แต่มันกลับเป็นพี่ใหญ่ใจดี จนได้รับสมญานามว่า Gentel Giant ชื่อของแมวสายพันธุ์นี้ มีที่มาจากรัฐเมน (Maine) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมัน ส่วนคำว่า คูน (Coon) มาจากคำบอกเล่าของชาวพื้นเมืองที่กล่าวว่า แมวบ้านเผลอไปกุ๊กกิ๊กกับตัวแรคคูน (Raccoon) จนมีการจับ 2 คำนี้มารวมกัน กลายเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันทั่วไปว่า เมนคูน (Main Coon)

          
 ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวเมนคูน

      
ลักษณะเด่นของแมวพันธุ์เมนคูน คือ รูปร่างที่สมส่วน ดูสง่างาม และให้ความรู้สึกที่มั่นคงแข็งแรง หากเป็นแมวโตเต็มที่ ร่างกายของมันจะมีความยาวตั้งแต่หัวจรดปลายหางประมาณ 1 เมตร น้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 12-15 กิโลกรัม ถึงแมวเมนคูนจะมีโครงสร้างใหญ่ ใบหน้าเหมือนกับแมวป่า มีแผงคอคล้ายสิงโต แถมบริเวณปลายหูยังมีเส้นขนงอกออกมา แต่มันกลับมีนิสัยขี้อ้อน ขี้เล่น ร่าเริง ตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยเจริญพันธุ์

           
 การเลี้ยงดูแมวเมนคูน

     อายุขัยของแมวพันธุ์อยู่ที่ราว ๆ 15 ปี เหมือนแมวทั่วไป แต่เนื่องจากร่างกายที่ค่อนข้างใหญ่โต การให้อาหารแบบแมวทั่วไปอาจไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ดังนั้นเจ้าของควรเสริมด้วยเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้กับมัน
    ส่วนขนของแมวเมนคูนค่อนข้างหวีง่าย เนื่องจากเป็นแมวกึ่งขนยาว จึงไม่มีปัญหาขนพันกันแบบแมวเปอร์เซีย เพียงแต่ควรจะอาบน้ำให้มันอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง และหลังการอาบน้ำทุกครั้ง ควรจะเช็ดพร้อมกับเป่าขนให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันโรคเชื้อราบนผิวหนัง




แมวเปอร์เซีย (Persian)






          
        ราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลาง ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกีกับอิหร่านในปัจจุบัน แมวเปอร์เซียถือเป็นแมวต่างประเทศสายพันธุ์แรกที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย สิ่งที่ทำให้แมวสายพันธุ์นี้ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนรักแมวก็เพราะว่า นอกจากจะมีหน้าตาน่าเอ็นดูแล้ว ขนปุกปุยของแมวเปอร์เซียยังมีสีสันที่หลากหลาย และนิสัยส่วนตัวก็น่ารักด้วย

          
 ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวเปอร์เซีย

         
แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโต และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หัก กล่าวคือ สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผากชัดเจน เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา
             นอกจากหน้าตาที่น่ารักแล้ว ยังเป็นแมวที่มีอุปนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนอื่นได้ง่าย มีความร่าเริงซุกซน ปีนป่ายไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อหาของมากัดเล่น ช่างประจบประแจง และเป็นแมวที่มีไหวพริบมากทีเดียว


          
 การเลี้ยงดูแมวเปอร์เซีย

       เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้แล้ว จงพึงระลึกไว้เสมอว่า การดูแลขนของแมวเปอร์เซียเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ผู้เลี้ยงต้องหมั่นทำความสะอาด โดยการแปรงและสางขนแมวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันการเกิดขนพันกัน ซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค รวมทั้งพยาธิต่าง ๆ ที่จะเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วย
        ส่วนในเรื่องของอาหารการกินนั้น ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนไปรวมตัวกันในช่องท้อง จะทำให้แมวเปอร์เซียมีอาการสำรอกหรือเกิดปัญหาของระบบย่อยอาหารได้



แมวหิมาลายัน (Himalayan Persian)




         เกิดจากการผสมระหว่างแมวเปอร์เซียกับแมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศทำให้เกิดลักษณะเด่นของแมวเปอร์เซียและวิเชียรมาศผสมกันได้ลูกแมวสายพันธุ์ใหม่ขึ้น บางครั้งจึงอาจเรียกแมวพันธุ์หิมาลายันนี้ว่า Colour point persian (อย่างเช่นถ้าจุดแต้มมันเป็นสีน้ำเงินก็จะเรียกว่า Blue point Himalayan ค่ะ)


        ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวหิมาลายัน

เป็นแมวขนาดเล็ก  ขาค่อนข้างเล็ก หูสั้น จมูกสั้น แก้มนูนเต็มพอกับสายพันธุ์ต้นกำเนิดของมัน  มีขนยาวบริเวณรอบเอวมีขนอ่อนนุ่ม รอบๆคอและแก้มมีขนครุยห้อย บริเวณหาง ขนขึ้นหนาทึบ ที่หูจะมีขนยาวเป็นกระจุกย้อยลงมาเหมือนกับพันธุ์เปอร์เซีย  แต่มีแต้มแบบแมววิเชียรมาศ (จุด ได้แก่ ครอบหน้า 1, หู 2, ขาทั้ง 4,หาง 1 และอวัยวะเพศ 1  จึงทำให้แมวพันธุ์นี้มีลักษณะที่โดดเด่นออกไป  แถมมันยังมีตาสีฟ้าสดใสเหมือนแมววิเชียรมาศด้วยนะคะ 
ชอบซุกซน รักสนุกสนาน ขี้เล่น  มันชอบที่จะมาอยู่คลุกคลีกับคุณและชอบทำตามกิจกรรมที่คุณกระทำอยู่ด้วย  สมกับเป็นแมวที่รักเจ้าของจริง ๆ

         การเลี้ยงดูแมวหิมาลายัน


       แมวพันธุ์นี้มีขนยาวเหมือนกับเจ้าเปอร์เซียนั้น  ทำให้การดูแลเหมือนกันเลยค่ะ  แถมเจ้าแมวพันธุ์นี้ชอบที่จะให้แปรงขน ทำความสะอาดอีกด้วย


แมวไซบีเรียน (Siberian)

                                                  

      
 แมวพันธุ์นี้ถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่หายากมว๊ากและมีราคาสูงลิบ แต่ถ้าหาในไทยคงแทบไม่มีนะคะ  เพราะขนาดประเทศอเมริกาซึ่่งเป็นประเทศที่นำสายพันธุ์นี้มาเลี้ยงยังหายากเลย  แล้วถ้าพูดถึงความเป็นที่รู้จักของแมวสายพันธุ์นี้คงน้อยมาก ๆ

     ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวไซบีเรียน

      เป็นแมวแบบขนกึ่งสั้นกึ่งยาว จะมีขนหนายาวในช่วงฤดูหนาว  และขนจะสั้นลงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ   จุดเด่นของมันเท่าที่สังเกตุนะคะแมวพันธุ์นี้จะมีขนที่แผงขอช่างเหมือนสิงโตตัวน้อยดี ๆ เลยละค่ะ ขนของมันนั้นมีหลากหลายสีตามการผสม แถมร่างกายของเจ้าพันธุ์นี่ช่างแข็งแกร่งสมกับมาจากป่าจริง ๆ

     ป็นแมวที่มีลักษณะนิสัยดี เหมาะสมแก่การเป็นแมวเลี้ยง แม้จะมีลักษณะคล้ายแมวป่าก็ตาม ลักษณะนิสัยคล้ายคลึงสุนัข คือจงรักภักดีและเป็นมิตร 

     การเลี้ยงดูแมวไซบีเรียน

    แมวพันธุ์นี้ต้องการอาหารถึงวันละ 4 มื้อเลยนะมากกว่าสุนัขอีก และอาหารนั้นก็ควรมีสัดส่วนทางโภชนาการที่พอเหมาะกับมันด้วย และต้องเล่นกับมันให้เป็นประจำนะคะ เพื่อไม่ให้มันเป็นแมวที่เบื่อโลกเซื่องซึมประมาณนั้น แมวพวกพันธุ์นี้มันต้องการความรักและการเอาใจใส่เรื่องการเล่นกับมันมาก ๆ เลย





แมวพันธุ์แร็กดอลล์ (Ragdoll)


                                       
   แมวพันธุ์แร็กดอลล์ ฟังจากชื่อของมันก็รู้ศัพท์อังกฤษกันไปอีกสักคำแล้วกัน ชื่อมันแปลว่าตุ๊กตาผ้านั่นเองงงงง ถิ่นกำเนิด  จากประเทศอเมริกา ไม่ค่อยเป็นีท่รู้จักกันในประเทศไทยดีสักเท่าไหร่  ส่วนมากคนไทยจะนิยมพวกเปอร์เซียมากกว่า

 ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวแร็กดอลล์

    ป็นแมวที่มีโครงร่างขนาดใหญ่ ร่างกายแข็งแรง มีตาสีฟ้าสวยงาม มองแล้วเคลิ้มเชียว ขนจะหนาแน่นเป็นปุยมากในบริเวณเอว ที่หางมีขนยาวชัน  ถ้าสังเกตุที่บริเวณอุ้งเท้าไปจนถึงช่วงขาของมันจะเป็นสีขาวจนดูเหมือนกับสวมถุงเท้าตลอดเวลา 
  เป็นแมวผู้ดีชอบความเงียบสงบ มีเสียงร้องที่เบามาก และเวลาอุ้มจะมีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ของมันเลยก็คือจะเมื่อเวลาที่คนอุ้ม มันจะทิ้งตัวโตงเตงราวกับตุ๊กตาเศษผ้าราวกับไม่มีชีวิต ดูคล้ายอาการเมายา ขนาดนั้นเชียวดูกันเอาเองละกัน

    การเลี้ยงดูแมวแร็กดอลล์

  ด้วยความที่เป็นแมวขนยาวแล้วชอบเลียขนเพื่อทำความสะอาด ทำให้แมวพันธุ์นี้มักป่วยจากการเกิด Hairball (ขนที่จับตัวเป็นก้อนกลมในกระเพาะ อันเกิดจากการเลีย) ในท้องสูง  เจ้าของที่เลี้ยง แมว Ragdoll ควรใส่ใจในการแปรงขนให้มัน และหมั่นสังเกตอาการต่าง ๆ หากพบอาการผิดปกติ ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์กันด้วยนะคะ เจ้า Ragdoll จะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น